Passage1 (Questions 1 - 4)
The word entrepreneur is derived from
the French entreprendre , meaning “to undertake.” The entrepreneur is one
who undertakes to organize, manage, and assume the risks of a business. In
recent years entrepreneurs have been doing so many things that it is necessary
to broaden this definition. Today, an entrepreneur is an innovator or developer
who recognizes and seizes opportunities; convert those risks of the competitive
marketplace to implement these ideas; and realizes the rewards from these
efforts.
The entrepreneur is the aggressive catalyst
for change in the world of business. He or she is an independent thinker who
dares to be different in a background of common events. The literature of
entrepreneurial research reveals some similarities, as well as great many
differences, in the characteristics of entrepreneurs. Chief among these
characteristics are personal initiative, the ability to consolidate resources,
management skills, a desire for autonomy, and risk taking. Other
characteristics include aggressiveness, competitiveness, goal-oriented
behavior, confidence, opportunistic behavior, intuitiveness, reality-based
actions, the ability to learn from mistakes, and the ability to employ human
relation skills
บทความที่ 1
คำว่าผู้ประกอบการ “entrepreneur” นั้นแปลงมาจากคำภาษาฝรั่งเศส “entreprendre” แปลว่า “รับอาสาทำมา” ผู้ประกอบการเป็นคนที่รับภาระการจัดการ การบริหาร และรับเอาในความเสี่ยงของธุรกิจ ในช่วงหลายปีมานี้ผู้ประกอบการได้ทำประโยชน์จำเป็นมากมาย งานหลายอย่างที่จำเป็น เพื่อขยายคำจำกัดความนี้ให้กินความกว้างขึ้นในปัจจุบันผู้ประกอบการเปรียบเป็นนักนวัตกรรม และนักพัฒนา ผู้ที่ตระหนักถึงโอกาสและคว้ามันไว้ พลิกความเสี่ยงของตลาดที่เต็มไปด้วยการแข่งขันเพื่อนำความคิดต่างๆ สู่ภาคปฏิบัติ และตระหนักถึงผลรางวัลจากความพยายามนั้นๆ
ผู้ประกอบการเป็นตัวเร่งที่รุนแรงในการเปลี่ยนแปลงของโลกธุรกิจ เขาหรือเธอนั้นเป็นนักคิดอิสระที่กล้าที่จะทำในสิ่งที่แตกต่างออกไปภายใต้สถานการณ์ปกติ งานวิจัยด้านการบริหารจัดการเปิดเผยความสอดคล้องบางอย่าง รวมทั้งข้อแตกต่างอันยิ่งใหญ่ในความเป็นลักษณะเฉพาะตัวของผู้ประกอบการ ลักษณะพิเศษที่สำคัญที่สุดคือความคิดริเริ่มสร้างสรรค์เฉพาะบุคคล ความสามารถที่จะบูรณาการการใช้ทรัพยากร ทักษะด้านการจัดการ ความต้องการเรื่องการจัดการตนเอง ความเป็นตัวเอง และการเสี่ยงของธุรกิจ ลักษณะพิเศษอื่นมีทั้งนิสัยความมุทะลุ การชอบแข่งขัน พฤติกรรมที่มุ่งเป้าหมาย ความมั่นใจ การชอบมองหาโอกาส สัญชาตญาณ การทำงานที่มีพื้นฐานจากเรื่องจริง ความสามารถในการเรียนรู้จากข้อผิดพลาด และความสามารถในการใช้ทักษะด้านมนุษยสัมพันธ์
55. The major ideas of the passage are the answers to which
of the following question?
I.
Who is an entrepreneur?
II.
What role does an entrepreneur play in international markets?
III.
What are the characteristics of entrepreneur?
IV.
What do entrepreneurs mean to the French?
(1) I and II (2) II and III (3) I and III (4)
III and IV
ตอบข้อ (3) 1 และ 3
ในบทความส่วนแรกกล่าวถึงความหมายและขอบเขตหน้าที่ของคำว่าentrepreneur ส่วนหลังกล่าวถึงลักษณะพิเศษในตัว entrepreneur สำหรับในข้อ (2)
นั้นไม่ถูกต้อง เพราะ บทความนี้ไม่ได้เจาะจงหน้าที่ของ entrepreneur ในตลาดต่างประเทศเท่านั้น
แต่ถูกพูดรวมถึงตลาดทั้งภายในและต่างประเทศในข้อ (4)
ไม่ถูกต้องเพราะมีการกล่าวเพียงสั้น ๆ ถึงที่มาของคำคำนี้
และไม่มีการกล่าวซ้ำในตัวบท
เพราะฉะนั้นความหมายภาษาฝรั่งเศสจึงไม่ใช่ความคิดหลักของบทความนี้
1.
The
passage provides all of the following information EXCEPT____________
(1) the origin of the term entrepreneur
(2) the activities entrepreneurs engage in
(3) what is learned from research about
entrepreneurs
(4) how entrepreneurs have improved the
entire business system
ตอบข้อ (4) เพราะเป็นข้อเดียวที่ในบทความไม่ได้กล่าวถึง
คำตอบในข้อ (1) คือ ที่มาของคำว่า entrepreneur
ซึ่งในบทความก็ได้กล่าวไว้ว่ามาจากภาษาฝรั่งเศสคำว่า entreprendre ข้อสอง
พูดถึงกิจกรรมที่ผู้ประกอบการได้กระทำ ซึ่งในบทความได้กล่าวไว้ว่า คือ ต้องรับภาระ,จัดการบริหาร และคาดคะเนความเสี่ยงในธุรกิจ
ส่วนในคำตอบข้อสาม คือ
สิ่งที่ได้เรียนรู้จากงานวิจัยเกี่ยวกับผู้ประกอบการซึ่งในบทความก็ได้กล่าวไปแล้วว่าสามารถทราบเกี่ยวกับความสอดคล้องบางอย่างรวมทั้งข้อแตกต่างมากมายในความเป็นลักษณะเฉพาะตัวของผู้ประกอบการ
2.
It can be concluded from the first paragraph that entrepreneurs
today____________
(1) no longer undertake to organize and
manage
(2) lack skills traditional entrepreneurs
possessed
(3) play exactly the same role as those in
the past
(4) are involved in more activities than
those in the past
ตอบข้อ (4) เพราะใน paragraph
1 มีประโยคที่ว่า “In recent years entrepreneur have been
doing so many things that it is
necessary to broaden this definition”
แสดงว่าเมื่อก่อนผู้ประกอบการไม่ได้
ทำอะไรมากมายเท่าปัจจุบัน ซึ่งเป็นความหมายเดียวกับประโยคในข้อ 4
3. Which of the following statements would most likely be
supported by the passage ?
(1) Entrepreneurs are capable of putting
their ideas into use.
(2) Entrepreneur do not share basic
characteristics.
(3) Entrepreneurs play identical roles to
managers.
(4) Entrepreneurs usually give their
competitors a chance.
ตอบข้อ (1) เพราะมีการกล่าวว่า ผู้ประกอบการเปลี่ยนโอกาสให้เป็น “workable/marketable ideas” ซึ่งความหมายก็คือ
ความคิดที่ใช้งานได้ และนำสู่ตลาดได้ซึ่งสอดคล้องกับคำว่า “putting their ideas
into use” คือทำให้ความคิดเป็นประโยชน์ในทางปฏิบัติ ข้อ 2
มี basic characteristics ที่มีร่วมกัน เช่น
ที่ยกตัวอย่างได้ในเรื่อง คือ personal initiative, management skills,
risk talking เป็นต้น ข้อ 2 จึงผิด
4. The details of the above passage are mainly____________.
(1) facts (2)
opinions (3) current issues (4) research findings
ตอบข้อ (4) ข้อค้นพบของงานวิจัยเพราะในบทความ จะพูดถึงผลการวิจัยเป็นส่วนใหญ่ ในเรื่องลักษณะนิสัยของ entrepreneur ข้อ (1) ข้อเท็จจริง ข้อ (2) ความคิดเห็น ข้อ (3)
ประเด็นเหตุการณ์ปัจจุบัน
Passage
2 (Question 5-10)
We chose to investigate 13 common risks
(sunbathing, food coloring, genetic engineering, nuclear power, mugging, home
accidents, ozone depletion, car driving, microwave ovens, AIDS, war, terrorism
and alcoholic drinks) because they can all be fitted into particular
psychological space.
Previous studies suggest that
the most acceptable risks are those deemed to be self-imposed or with immediate
impact. This is exactly what we found. Microwave ovens, food coloring
and alcohol were all seen as not particularly risky. “Catastrophic” themes such
as war, genetic engineering, ozone loss and nuclear power, however, were rated
as highly risky.
We discovered that people most
fear risks that they perceive as unacceptable to society and harmful to the
environment as a whole. The people in our study were particularly concerned
about risks, such as ozone depletion, that they considered to be harmful to
future generations. They also often use the term “dread” to describe
risks that they considered involuntary, unfair or highly likely to kill or
permanently injure people.
In detailed follow-up
interviews, we also found that whatever the risk, people were more likely to
trust the opinion of their nearest and dearest than the view of officials.
บทความที่ 2
เราได้เลือกที่จะศึกษาวิจัยความเสี่ยงปกติ
13 อย่าง (การอาบแดด, การใส่ผสมอาหาร, วิศวพันธุกรรม, พลังงานนิวเคลียร์, การชิงทรัพย์, อุบัติเหตุในครัวเรือน, การลดลงของโอโซน, การขับรถ, เตาไมโครเวฟ, โรคเอดส์, สงคราม, การก่อการร้าย
และเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์) เพราะความเสี่ยงทั้งหมดดังกล่าว
ถูกจัดเข้าไปในพื้นที่ขอบเขตของวิชาจิตวิทยาไว้อย่างลงตัว
งานวิจัยเมื่อก่อนนี้เสนอว่า
ความเสี่ยงที่ยอมรับกันได้มักจะเป็นความเสี่ยงที่รบกวนเฉพาะบุคคล
หรือมีผลกระทบทันทีทันใด สิ่งนี้ตรงกับที่เราพบในการศึกษาค้นคว้าเรื่องนี้ คือ
เตาไมโครเวฟ การใช้สีผสมอาหาร และสุราถูกมองว่าเป็นความเสี่ยงที่ไม่สำคัญนัก
ในขณะที่ “ภัยพิบัติบนโลก” เช่น สงคราม
วิศวพันธุกรรม การสูญไปของโอโซน และพลังงานนิวเคลียร์
ถูกมองว่าเป็นความเสี่ยงที่อันตรายมากกว่า
เราพบว่าประชาชนมักจะกลัวความเสี่ยงที่พวกเขาแลเห็นว่ายอมรับไม่ได้ในสังคม
และเป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อมโดยรวม
ผู้คนที่เราศึกษามักจะวิตกเรื่องความเสี่ยงที่ส่งผลร้ายต่อคนรุ่นต่อไป
เช่นการลดลงของโอโซน
พวกเขายังใช้คำว่า
“dread” (น่าสะพรึงกลัว)
อยู่เสมอเพื่ออธิบายความเสี่ยงที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ไม่ยุติธรรม หรือมีความเป็นไปได้สูงที่จะทำให้ประชาชนตายหรือเสียหายได้อย่างถาวร
การสัมภาษณ์ต่อในรายละเอียด
เราได้พบอีกว่า ไม่ว่าความเสี่ยงไหน ผู้คนมักจะเชื่อความเห็นของคนใกล้ชิดที่สุด
และคนที่รักที่สุด มากกว่าความเห็นของเจ้าหน้าที่บ้านเมือง
5. The passage is mainly concerned
with____________.
(1)
several classic examples of potential harm
(2)
what problems arise out of irrational fears
(3)
the cultural background of some universally-feared dangers
(4) ozone depletion and its risks
ตอบข้อ (3)
เพราะในบทความพูดถึงความเสี่ยงหลักของคนทั่วไป และความแตกต่างการจำกัดความชนิด
ของความเสี่ยงว่าแบบไหนคนกลัวมากกว่า โดยดูจากความคิดพื้นฐานของคนทั่วไป
ความคิดพื้นฐานสามารถสื่อได้ด้วยคำว่า background ส่วนข้ออื่นนั้น
ผู้เขียนพูดถึงเพียงสั้น ๆ ไม่ได้เน้นหนัก จึงไม่ถือว่าเป็นส่วนหลักที่บทความนี้
6.
What is probably the main purpose for conducting this research?
(1) To find out more about why and how
individuals responds to various risks.
(2) To describe to what extent possible
harmful effects are delayed.
(3) To argue against the previous research on
catastrophic potential
(4) To evaluate mechanisms that monitor
potential dangers.
ตอบข้อ (1)
เพื่อที่จะค้นพบข้อมูลเพิ่มเติมว่าคนเราตอบรับต่อความเสี่ยงที่หลากหลายเพราะอะไร
และอย่างไร
7. What can be inferred from the statement, “this is
exactly what we found” ?
(1) Individuals view risks in different but
predictable ways.
(2) The current findings correspond with the
ones of the earlier studies.
(3) Fears about microwaves, food coloring,
and alcohol are exaggerated.
(4) Previous studies suggested that all the
most acceptable risks had sudden impact.
ตอบข้อ (4)
การศึกษาวิจัยก่อนหน้านี้เสนอว่าความเสี่ยงที่คนเรารับได้มากที่สุดมีผลกระทบฉับพลัน
8. Which description does NOT match with the word
« dread » ?
(1) Without choice (2) Causing death
(3) Fairly exposed (4) Permanently injured
ตอบข้อ (3) ความหมายของ “dread” คือ น่ากลัว น่ายำเกรง
เพราะ Fairly
exposed แปลว่าค่อนค้างเปิดเผย
ข้อ
(2) Causing death ข้อ 1 without choice (involuntary)
ข้อ (4) Permanently injured ต่างเป็นสาเหตุที่ทำให้สิ่งนั้นน่ากลัวทั้งนั้น
9. Who do people usually turn to for advice about a
possible risk discussed in the passage ?
(1) Doctors and scientists (2)
Friends and relatives
(3) Environmentalists and experts (4)
Organizations and officials
ตอบข้อ (2) ข้อความที่สนับสนุนคำตอบนี้ คือ “people here more
likely to trust the opinions of their
nearest and dearest ซึ่งก็คือ friends and relatives นั่นเอง
คนมักจะเชื่อคนใกล้ชิด (เพื่อน) และคนที่เป็นที่รัก (ญาติ) มากกว่า
10. What is the author’s attitude toward the information in
the passage ?
(1) Biased (2)
Concerned
(3) Sympathetic (4)
Neutral
ตอบข้อ (4) คือ Neutral เป็นกลาง สาเหตุคือ
จากในบทความเป็นการรายงานการศึกษาวิจัยจุดมุ่งหมายหลักคือ บอกข้อมูลให้ทราบ
นอกจากนี้ยังไม่มีประโยคชนิดใดที่แสดงความรู้สึกของผู้เขียนในการแสดงความคิดเห็นต่อผลการวิจัย
ฉะนั้น ทัศนคติต่อข้อมูลในบทความของผู้เขียนถือว่าเป็น Neutral ซึ่งก็คือ เป็นกลางๆ
ข้อ
(1) อคติ
ข้อ
(2) เป็นห่วง
ข้อ (3) เห็นอกเห็นใจ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น